เราเจอกันเมื่อเดือนกันยาในคลาสเดี่ยว ยาวจนถึงปลายปี จนต้นปีตัดสินใจว่าจะชวนน้องมาเรียนร่วมกับเพื่อน . . เคสนี้เป็นเคสที่ทำงานกับใจเราเยอะมาก จะไปต่อ หรือ พอก่อน เสียงเหล่านี้ตีอยู่ในหัวนานหลายเดือน เเต่เมื่อเจอเด็กสิ่งที่เราทำได้คือยืนยันให้ชัดว่า " หนูเดินได้ เดี๋ยวเรามาวิ่งด้วยกัน " ตอนพูดออกไปยังไม่เห็นภาพหรอกว่าเมื่อไหร่เเต่เชื่อว่าวันหนึ่งพวกเราจะทำได้เเน่ . . ก่อนเรียนร่วมกับเพื่อนเราทำงานกับคุณพ่อคุณเเม่ เเละ คุณตา เต็มกำลัง เรียกว่าคุยพัฒนาการไปร้องไห้ไป เอาพัฒนาการมาคุยกันจริงจัง ค่อย ๆ ปรับความเข้าใจ ความคาดหวังของทั้ง 2 ฝ่ายให้ตรงกัน เอาภาพให้ชัดเท่ากัน ลดความคาดหวังของเราลงบ้าง ค่อย ๆ ไป เเละรวมพลังกัน . . น้องมาเรียนพร้อมครูประกบเเละบางวันมาเรียนกับคุณเเม่ โดยต้องลงรถหน้าหมู่บ้านเเล้วเดินเข้ามา 9 ซอย พร้อมขวดน้ำเพื่อถ่วงซ้ายขวา เพื่อบริหารการเดินให้ขามีจังหวะที่สม่ำเสมอ เเละทรงตัวได้ดีขึ้น . . น้องรู้สึกปลอดภัยเเละสนุกกับการคลานมากกว่า กลัวการเดินด้วยตนเอง น้องมีศักยภาพเเต่ยังไม่มีพื้นที่มากพอ การทำงานเคสนี้จึงต้องร่วมกำลังกันทุกฝ่ายจูนครูทุกคนเเละพี่เลี้ยงในบ้านกางใจ ว่าเรามีเป้าหมายอะไร ต้องทำอย่างไร ใจเเข็งถึงเเม้จะเจอเเววตาลูกอ้อน ฮ่า . . วันที่น้องเดินได้เอง 5 ก้าว ภาพนั้นยังอยู่ในใจคุณครู เเววตาที่น้องเซอร์ไพร์สตัวเอง มันงดงามมาก พวกเรายิ้มกัน กอดกัน กรี๊ดกันเบอร์ใหญ่ จนหนำใจ . . วันนี้น้องเดินได้ไกลมาก เดินจากรั้วเข้ามาในบ้านได้เอง สะพายกระเป๋าด้วยก็ยังได้ เดินไม่ต้องจับกำเเพง มั่นใจที่จะเดินมากขึ้น เเละกล้าที่จะสื่อสารออกมาว่า " เดินได้เเล้ววววววว " . . เช้านี้คุณเเม่เล่าว่าน้องโชว์เดินถอยหลังได้เเล้วโดยไม่จับอะไรเลย เเละฉีกกระดาษได้เอง ได้ฟังปุ๊บก็ปิติจนร้องไห้ออกมา หากมองในเชิงพัฒนาการมันอธิบายได้เป็นหน้าว่าเกิดการเปลี่ยนเเปลงอย่างไรบ้าง เเต่ที่สำคัญไปกว่าพัฒนาการคือใจที่กล้าหาญมั่นคง น้องไม่กลัวการเดินเเล้ว กล้าที่จะล้ม กล้าที่จะลองเดินวิธีใหม่ ๆ เจตจำนงค์ในใจชัดเจน
ปลายปีนี้เราจะวิ่งด้วยกัน !!!
ชื่นชมคุณเเม่เเละทีมทุกคน พวกเราทำได้ มีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นดอกไม้ค่อย ๆ บาน กลิ่นหอมหวานอบอวลจับใจ
Comments